พื้นที่อับอากาศ (Confined Space) เป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมจำกัดซึ่งทำให้การเข้าออกทำได้ยาก และมักจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น พื้นที่ดังกล่าวอาจประกอบด้วยถังเก็บของเหลว ห้องใต้ดิน ท่อส่งแก๊ส หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่การหมุนเวียนของอากาศไม่ดีพอ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม การทำงานในที่อับอากาศจึงต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียดและการปฏิบัติงานตามแนวทางที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
วิธีจำแนกว่าพื้นที่ใดจัดเป็นที่อับอากาศ
พื้นที่อับอากาศ มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้แตกต่างจากพื้นที่ทำงานทั่วไป โดยลักษณะเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาว่าพื้นที่ใดเป็นที่อับอากาศ ได้แก่:
- พื้นที่ขนาดเล็กที่มีขนาดพอให้คนเข้าไปปฏิบัติงานได้
โดยทั่วไป พื้นที่เหล่านี้มีปริมาตรจำกัด แม้ว่าจะพอให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าไปได้ แต่ก็ไม่เหมาะสมสำหรับการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือทำงานในระยะเวลานาน เนื่องจากมีอากาศที่ใช้หายใจน้อยมาก - สภาพการเข้าออกที่ยากลำบาก
พื้นที่อับอากาศมักมีช่องเปิดเข้าออกที่จำกัด ซึ่งทำให้การเคลื่อนที่เข้าออกเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ อาจส่งผลให้การช่วยเหลือหรือกู้ภัยในกรณีฉุกเฉิน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและขาดอากาศหายใจ - แหล่งสะสมของแก๊ส และสารเคมีอันตราย
พื้นที่อับอากาศมักมีการระบายอากาศที่ไม่ดี ทำให้มีความเสี่ยงต่อการสะสมของแก๊สพิษหรืออากาศที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำเกินไป (ออกซิเจนต่ำกว่า 19.5%) ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหากไม่มีการตรวจวัดและจัดการที่เหมาะสม - ช่องทางเข้าออกมีขนาดเล็กและจำกัด
ขนาดของช่องทางเข้าออกในพื้นที่อับอากาศมักจะเล็กและมีจำนวนจำกัด ทำให้การเข้าออกไม่สะดวก นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่ต้องการอพยพผู้ปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วน - พื้นที่ไม่ได้ออกแบบ เพื่อการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
โดยปกติ พื้นที่อับอากาศไม่ใช่พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานเป็นประจำ ผู้ปฏิบัติงานต้องเข้าไปเพียงชั่วคราวเพื่อทำงานซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา
โดยส่วนใหญ่จากข้อพิจารณาทั้ง 5 นี้จะเป็นสถานที่อย่างเช่น อุโมง ท่อน้ำ บ่อ หลุม ถังน้ำมัน ถังหมัก ฯลฯ
สาเหตุและความเสี่ยงในการทำงานในที่อับอากาศ
การทำงานในที่อับอากาศมีความเสี่ยงสูงต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตเนื่องจากลักษณะของพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:
- ขาดออกซิเจน
สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่อับอากาศคือการขาดออกซิเจน โดยทั่วไป การทำงานในที่อับอากาศจะมีความเสี่ยงต่อการลดลงของระดับออกซิเจนต่ำกว่า 19.5% ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ - สะสมของแก๊สพิษและสารเคมี
พื้นที่อับอากาศอาจมีการสะสมของแก๊สพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือแก๊สไวไฟ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง เช่น การสูดดมแก๊สพิษหรือการระเบิด - เกิดไฟไหม้หรือระเบิด
ในบางกรณี พื้นที่อับอากาศอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือระเบิด หากมีการสะสมของสารไวไฟหรือแก๊สที่สามารถติดไฟได้ - บาดเจ็บจากการทำงานในพื้นที่จำกัด
การทำงานในพื้นที่ที่มีความแคบหรือไม่สะดวกอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น การล้ม หรือการบาดเจ็บจากเครื่องจักร
มาตรการป้องกันและวิธีปฏิบัติงานในที่อับอากาศ อย่างความปลอดภัย
การทำงานในที่อับอากาศจำเป็นต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยมีมาตรการที่สำคัญดังนี้:
- มีการจัดทำระบบการทำงานที่ปลอดภัย
การทำงานในพื้นที่อับอากาศต้องมีการกำหนดระบบการทำงานที่ชัดเจนและปลอดภัย รวมถึงมีการควบคุมการทำงานจากผู้อนุญาตหรือผู้ควบคุมงาน โดยเฉพาะในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง - การตัดระบบการทำงานของเครื่องจักรและระบบไฟฟ้า
ก่อนเข้าทำงานในพื้นที่อับอากาศ ต้องมีการตัดกระแสไฟฟ้าและปิดเครื่องจักรที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีวัสดุหรือของเหลวไหลเข้ามาในพื้นที่ในขณะที่ทำงาน - การทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ
การทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบก่อนเข้าปฏิบัติงานจะช่วยลดความเสี่ยงจากสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย - การระบายอากาศที่เพียงพอ
ก่อนเข้าทำงานในพื้นที่อับอากาศ ควรมีการติดตั้งระบบระบายอากาศที่เหมาะสม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการสะสมของแก๊สพิษหรือออกซิเจนที่ไม่เพียงพอ - การตรวจวัดสภาพบรรยากาศก่อนและระหว่างการทำงาน
ควรมีการตรวจวัดระดับออกซิเจนและแก๊สพิษในพื้นที่อับอากาศทั้งก่อนและระหว่างการทำงาน โดยใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น เครื่องตรวจวัดแก๊ส (Gas Detector) - การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม เช่น เครื่องช่วยหายใจ (SCBA) หน้ากากกรองอากาศ และชุดป้องกันสารเคมี จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในพื้นที่อับอากาศ - การจัดทำแผนการกู้ภัยและรับมือเหตุฉุกเฉิน
ก่อนเริ่มปฏิบัติงาน ควรมีการจัดเตรียมแผนการกู้ภัยและการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน เช่น การจัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตและทีมกู้ภัยที่ผ่านการฝึกอบรม
อบรมเตรียมความพร้อมของผู้ปฏิบัติงาน ในที่อ้บอากาศ
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการป้องกันอุบัติเหตุในที่อับอากาศ คือ การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม โดยทุกคนที่เกี่ยวข้องในการทำงานในที่อับอากาศ รวมถึงผู้ควบคุมงานและทีมช่วยเหลือ ต้องผ่านการอบรมที่ครอบคลุมในหัวข้อต่าง ๆ ตามกฎหมายกำหนด ซ฿่งหัวข้อหลักที่สำคัญเลยก็ คือ
- การประเมินความเสี่ยงในที่อับอากาศ
ผู้ปฏิบัติงานต้องเรียนรู้วิธีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อับอากาศ และต้องรู้จักวิธีการลดความเสี่ยงเหล่านั้นให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย - การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และเครื่องตรวจวัดแก๊ส
การฝึกอบรมการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันและเครื่องมือที่จำเป็น เช่น การใช้งานเครื่องตรวจวัดแก๊สอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลรักษาอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน - การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน
ผู้ปฏิบัติงานและผู้ควบคุมงานต้องเรียนรู้การปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การอพยพผู้ปฏิบัติงานอย่างรวดเร็ว การใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต และการประสานงานกับทีมช่วยเหลือภายนอก
หากคุณกำลังมองหาศูนย์ฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำงานในที่อับอากาศที่มีอุปกรณ์ครบครันและพร้อมใช้งานในการฝึกอบรม เราขอแนะนำ SafetyMember ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้และทักษะสำหรับผู้ที่ทำงานในพื้นที่อับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมจัดอบรมที่อับอากาศ in house เดินทางไปสอนคุณถึงสถานที่ตามเวลาที่คุณต้องการ
ติดต่อ : [email protected]
เทคโนโลยีและอุปกรณ์ สำหรับการทำงานในที่อับอากาศ
การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้การทำงานในที่อับอากาศมีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น:
- เครื่องตรวจวัดแก๊สอัตโนมัติ หรือภาษาอังกฤษ Gas Detector คือ เครื่องมือที่สามารถวัดระดับแก๊สพิษและออกซิเจนได้แบบเรียลไทม์ จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานรับรู้ถึงอันตรายได้อย่างรวดเร็ว
- เครื่องช่วยหายใจแบบอัดอากาศ (Self-Contained Breathing Apparatus: SCBA) เป็นอุปกรณ์สำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศเป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัย เช่น ในที่อับอากาศ, พื้นที่ที่มีมลพิษ, หรือในกรณีเกิดไฟไหม้ เครื่อง SCBA ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งพาอากาศภายนอก
- รอกสามขา หรือ Tripod เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยกและเคลื่อนย้ายบุคคลหรืออุปกรณ์ในพื้นที่อับอากาศ (Confined Space) มักใช้งานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรม ที่ต้องทำงานในสถานที่ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง เช่น ถังเก็บน้ำ ท่อใต้ดิน หรือโครงสร้างที่มีพื้นที่จำกัด
บทสรุป
การปฏิบัติงานในที่อับอากาศเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงและต้องการการจัดการความปลอดภัยที่เหมาะสม การมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน การเตรียมความพร้อมของผู้ปฏิบัติงาน การใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง และการมีแผนการกู้ภัยที่รัดกุมจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง
- Occupational Safety and Health Administration. (n.d.). Confined Spaces. Retrieved from https://www.osha.gov/confined-spaces
- National Institute for Occupational Safety and Health. (n.d.). Confined Space Hazards. Retrieved from https://www.cdc.gov/niosh/topics/confinedspace/default.html
- International Labour Organization. (2019). Code of practice on safety and health in working in confined spaces.