Rope Access และ Rock Climbing อาจดูเหมือนกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน เพราะทั้งสองล้วนเกี่ยวข้องกับการปีนและการใช้เชือก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองกิจกรรมนี้มีความแตกต่างที่น่าสนใจ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและวัตถุประสงค์ที่ใช้ทักษะเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Rope Access ในงานซ่อมบำรุงอาคารสูง หรือการปีนผาสำหรับความสนุกสนานและการท้าทายตัวเองใน Rock Climbing
ซึ่งเราได้รวมความเหมือน และ แตกต่างกันไว้ในบทความนี้
นิยามและจุดมุ่งหมายของ Rope Access และ Rock Climbing
Rope Access คืออะไร?
Rope Access เป็นระบบการเข้าถึงพื้นที่สูงโดยใช้เชือกและอุปกรณ์ช่วยในการทำงานในสภาวะที่เข้าถึงยาก เช่น การซ่อมแซมโครงสร้างอาคาร งานตรวจสอบสะพาน และการซ่อมบำรุงกังหันลม ระบบนี้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น IRATA (Industrial Rope Access Trade Association) หรือ SPRAT (Society of Professional Rope Access Technicians) (IRATA, 2020)
Rock Climbing คืออะไร?
Rock Climbing หรือการปีนหน้าผา เป็นกิจกรรมกีฬาที่ผู้ปีนจะใช้เทคนิคในการเคลื่อนที่ขึ้นบนหน้าผาธรรมชาติหรือหน้าผาจำลอง จุดมุ่งหมายหลักคือการท้าทายขีดจำกัดทางกายภาพและจิตใจ รวมถึงพัฒนาทักษะในการปีนในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน (Long, 2019)
ทักษะที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Rope Access และ Rock Climbing
แม้ว่า Rope Access และ Rock Climbing จะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองระบบต้องใช้ทักษะพื้นฐานร่วมกัน ได้แก่:
1. การใช้เชือกและอุปกรณ์ช่วย
-
- การใช้ Harness และ Carabiner ในการยึดตัวกับเชือก
- การใช้ Descender และ Ascender สำหรับการเคลื่อนที่ขึ้นและลง
- การเลือกใช้เชือกที่เหมาะสม เช่น เชือก Static Rope ใน Rope Access และ Dynamic Rope ใน Rock Climbing (Petzl, 2021)
2. การควบคุมสมดุลและการเคลื่อนที่
-
- การกระจายน้ำหนักตัวเพื่อรักษาสมดุลขณะเคลื่อนที่
- การใช้จุดยึด (Anchor Points) ที่แข็งแรงเพื่อความปลอดภัย
- การใช้เทคนิค Body Positioning เพื่อช่วยลดแรงกดที่เชือกและอุปกรณ์
3. การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย
-
- การตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
- การเรียนรู้เทคนิคการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นในกรณีฉุกเฉิน
- การฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
ความแตกต่างหลักระหว่าง Rope Access และ Rock Climbing
1. จุดมุ่งหมายของการใช้งาน
-
- Rope Access: ใช้สำหรับการทำงานในพื้นที่สูง เช่น งานตรวจสอบและบำรุงรักษาอาคาร (IRATA, 2020)
- Rock Climbing: เป็นกีฬาที่มุ่งเน้นความสนุกสนานและความท้าทายของร่างกายและจิตใจ (Long, 2019)
2. ประเภทของเชือกโรยตัวที่ใช้
-
- Rope Access: ใช้ Static Rope ซึ่งมีค่าการยืดตัวต่ำเพื่อลดแรงกระแทกขณะทำงาน
- Rock Climbing: ใช้ Dynamic Rope ซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้เพื่อลดแรงกระแทกจากการตก (Petzl, 2021)
3. มาตรฐานความปลอดภัยและการรับรอง
-
- Rope Access: ต้องผ่านการฝึกอบรมและสอบรับรองตามมาตรฐาน IRATA หรือ SPRAT
- Rock Climbing: ไม่มีข้อกำหนดด้านการรับรองเฉพาะ ยกเว้นในบางรูปแบบ เช่น การปีนหน้าผาในโรงยิมที่ต้องมีใบอนุญาต
4. ระบบการกันตก (Fall Protection System)
-
- Rope Access: ใช้ระบบเชือก 2 เส้น ประกอบด้วยเชือกหลักและเชือกสำรอง
- Rock Climbing: ใช้ระบบเชือกเดี่ยว (Single-rope System) หรือเชือกคู่ในบางรูปแบบ เช่น Multi-pitch Climbing
5. สถานการณ์ที่ใช้งาน
-
- Rope Access: ใช้ในสภาวะแวดล้อมที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เช่น อาคารสูงหรือแท่นขุดเจาะน้ำมัน
- Rock Climbing: ใช้ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ เช่น หน้าผาหินปูนหรือภูเขาหินแกรนิต
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างหลักระหว่าง Rope Access และ Rock Climbing
หัวข้อ | Rope Access | Rock Climbing |
---|---|---|
จุดมุ่งหมาย | ใช้ในการทำงานในพื้นที่สูง เช่น การตรวจสอบและซ่อมบำรุง | เป็นกีฬาที่มุ่งเน้นความท้าทายและพัฒนาทักษะทางกายภาพ |
ประเภทของเชือก | ใช้ Static Rope ที่มีค่าการยืดตัวต่ำ | ใช้ Dynamic Rope ที่สามารถยืดหยุ่นได้เพื่อลดแรงกระแทก |
มาตรฐานความปลอดภัย | ต้องผ่านการอบรมและสอบรับรอง เช่น IRATA หรือ SPRAT | ไม่มีข้อกำหนดบังคับด้านการรับรอง ยกเว้นบางกรณี |
ระบบการกันตก | ใช้ระบบเชือกคู่ 2 เส้น | ใช้ระบบเชือกเดี่ยวหรือเชือกคู่ตามประเภทการปีน |
สภาพแวดล้อมที่ใช้งาน | อาคารสูง แท่นขุดเจาะน้ำมัน หรือพื้นที่อุตสาหกรรม | หน้าผาหินธรรมชาติหรือหน้าผาจำลอง |
ความต่างด้านการฝึกอบรมและการรับรอง
1. Rope Access
- ต้องผ่านการอบรมและสอบรับรองตามระดับ ได้แก่ Level 1, Level 2, และ Level 3 ตามมาตรฐาน IRATA หรือ SPRAT (IRATA, 2020)
- ต้องมีการฝึกซ้อมเทคนิคช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
- ในการทำงานผู้ปฏิบัติงานต้องผ่านการอบรมที่สูง ก่อนเริ่มปฏิบัติงานทุกคน ซึ่งต้องอบรมตรงตามหลักสูตรที่ต้องนำไปใช้ทำงาน ซึ่งจะแบ่งเป็น อบรมที่สูงผู้ปกิบัติงาน, อบรมที่สูงเสาส่งสัญญาณ, อบรมที่สูงหัวหน้างาน, อบรมโรยตัว และกู้ภัยที่สูง
หากคุณสงสัยว่าในงานของคุณต้องอบรมหลักสูตรไหนสามารถติดต่อสอบถาม เพื่อขอคำแนะนำจากเราได้ >> เซฟตี้.com
2. Rock Climbing
- ไม่มีข้อกำหนดบังคับด้านการรับรอง แต่แนะนำให้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์หรือสถาบันที่เชื่อถือได้
- การฝึกซ้อมรวมถึง Lead Climbing, Belaying, และ Self-rescue Techniques
- ควรมีความรู้เรื่องมาตรฐานอุปกรณ์ ในการปีนเขาควรใช้แบบไหน
ข้อจำกัดของประสบการณ์ Rock Climbing เมื่อเข้าสู่ Rope Access
แม้ว่าประสบการณ์ Rock Climbing จะมีประโยชน์ในหลายด้าน แต่การทำงาน Rope Access ยังคงมีข้อกำหนดเฉพาะที่แตกต่างออกไป เช่น:
- มาตรฐานความปลอดภัยที่เคร่งครัดกว่า นักปีนเขาอาจคุ้นชินกับระบบที่มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ใน Rope Access ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเช่น IRATA หรือ SPRAT อย่างเคร่งครัด
- ใช้ระบบเชือก 2 เส้น ใน Rock Climbing มักใช้เชือกเดี่ยว (Single Rope) หรือเชือกคู่ตามประเภทการปีน แต่ใน Rope Access จะใช้ Main Rope และ Backup Rope เสมอ
- เรียนรู้เทคนิคกู้ภัย (Rescue Techniques) นักปีนเขาอาจมีทักษะช่วยเหลือเบื้องต้น แต่การทำงาน Rope Access ต้องเรียนรู้การช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ซับซ้อนกว่ามาก
สรุป
แม้ว่า Rope Access และ Rock Climbing จะมีทักษะพื้นฐานร่วมกัน แต่เป้าหมายและมาตรฐานความปลอดภัยแตกต่างกันอย่างมาก Rope Access ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในสภาพแวดล้อมการทำงาน ในขณะที่ Rock Climbing เน้นการท้าทายและพัฒนาทักษะการปีนเขา การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเลือกใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับกิจกรรมของตนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
- IRATA. (2020). International Code of Practice for Industrial Rope Access. Industrial Rope Access Trade Association.
- Long, J. (2019). How to Rock Climb. Falcon Guides.
- Petzl. (2021). Technical Guide: Rope Access and Climbing Equipment. Petzl.
บทความที่น่าสนใจ
- Zero Accident เปลี่ยนองค์กรให้ปลอดอุบัติเหตุ
- ระบบยึดรั้งตำแหน่งสำหรับการทำงานบนที่สูง
- รวมความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานบนที่สูง
- ใช้บันไดในที่ทำงานอย่างไรให้ปลอดภัย สำหรับการทำงานบนที่สูง