อุปกรณ์ความปลอดภัย (Safety Equipment) เป็นส่วนสำคัญในทุกสถานประกอบกิจการ โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม โรงงานก่อสร้าง และสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ บทบาทของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับเทคนิค (จป.เทคนิค) ในการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยนั้น มีความสำคัญมากเพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นพร้อมใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
วันนี้ผมจะ พาไปดูเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบ การบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย ประเภทของอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องดูแล อย่างสม่ำเสมอ
ทำไมต้องตรวจสอบและบำรุงรักษา อุปกรณ์ความปลอดภัย
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ทุกสถานประกอบการต้องทำ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทในการช่วยป้องกัน หรือจำกัดความเสียหายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน ถ้าอุปกรณ์ความปลอดภัยไม่ได้รับการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดการชำรุดหรือไม่สามารถใช้งานได้ในเวลาที่จำเป็น ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงทั้งในด้านความปลอดภัยของพนักงาน และความเสียหายต่อสถานประกอบการ
ทำให้สถานประกอบการต้องมีคนที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลสิ่งเหล่านี้ในองค์กร นั้นก็คือ จป.เทคนิค
ผู้ที่จะเป็น จป.เทคนิคได้ สามารถเป็นได้โดยการเข้าอบรมหลักสูตร จป เทคนิค ซึ่งต้องได้รับการยินยอมเข้าอบรมจากสถานประกอบการ สามารถเลือกอบรมได้ทั้ง จป เทคนิค บุคคลทั่วไป / จป เทคนิค in house
นอกจากนี้ การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย ยังมีผลโดยตรงต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย การที่สถานประกอบกิจการมีการดูแลรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างถูกต้อง และตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จะช่วยป้องกันการถูกปรับหรือถูกดำเนินคดี ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
อุปกรณ์ความปลอดภัย ที่ต้องตรวจสอบและบำรุงรักษา
อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการมีหลากหลายประเภท ซึ่งทุกประเภทมีความสำคัญและต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี่คือบางประเภทของอุปกรณ์ที่ จป.เทคนิค ต้องดูแล:
1. เครื่องดับเพลิง (Fire Extinguishers)
เครื่องดับเพลิงเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการป้องกันไฟไหม้ และต้องได้รับการตรวจสอบอย่างน้อยทุก 6 เดือน โดยการตรวจสอบจะรวมถึงการตรวจสอบแรงดันภายในเครื่อง และตรวจสอบว่ามีการเติมสารเคมีที่ถูกต้องหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบป้ายแสดงวันหมดอายุ
2. สัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ (Fire alarm system)
สัญญาณเตือนภัยเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญในการแจ้งเตือนผู้ปฏิบัติงาน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้หรือการรั่วไหลของสารเคมี อุปกรณ์นี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง การทดสอบสัญญาณเตือนภัยควรทำเป็นประจำทุกเดือน เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อของสัญญาณและระบบควบคุม และยังต้องมีการตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ประจำปี (เป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย)
3. ระบบสปริงเกอร์ (Sprinkler Systems)
ระบบสปริงเกอร์ทำงานโดยการปล่อยน้ำออกมา เพื่อควบคุมการลุกลามของไฟในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ ระบบนี้ต้องได้รับการตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าท่อสปริงเกอร์ไม่มีการอุดตันและวาล์วทำงานได้อย่างถูกต้อง การตรวจสอบจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบเกิดความเสียหายเมื่อจำเป็นต้องใช้งาน
4. อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE)
PPE เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันพนักงานจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นขณะทำงาน เช่น หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย PPE ต้องได้รับการตรวจสอบสภาพก่อนและหลังการใช้งานทุกครั้ง นอกจากนี้ จป.เทคนิค ควรตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ และทดแทนอุปกรณ์ที่หมดอายุหรือมีการชำรุด
5. ระบบระบายอากาศและป้องกันสารเคมี (Ventilation and Chemical Protection Systems)
ระบบระบายอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพอากาศในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะสถานที่ที่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย การตรวจสอบความสะอาดของระบบ และความสามารถในการระบายอากาศ จะช่วยลดความเสี่ยงที่พนักงานจะได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบระบบป้องกันการรั่วไหลของสารเคมีอย่างสม่ำเสมอ
ขั้นตอนการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยควรเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างชัดเจน โดยมีการวางแผนและกำหนดเวลาเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนนี้สามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่:
1. ตรวจสอบสภาพภายนอกของอุปกรณ์ (Visual Inspection)
ในการตรวจสอบเบื้องต้น คุณสามารถทำได้โดยการตรวจสอบสภาพภายนอกของอุปกรณ์ เช่น มีรอยชำรุดหรือไม่ อุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ และตรวจสอบป้ายแสดงวันหมดอายุของอุปกรณ์
2. ทดสอบการทำงาน (Functional Testing)
การทดสอบการทำงานของอุปกรณ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบว่าอุปกรณ์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง เช่น การทดสอบสัญญาณเตือนภัย การทดสอบการปล่อยน้ำจากระบบสปริงเกอร์ หรือการทดสอบแรงดันของเครื่องดับเพลิง
3. บำรุงรักษาตามระยะเวลา (Scheduled Maintenance)
อุปกรณ์บางประเภทอาจต้องการการบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ตรวจจับควัน หรือการเติมสารเคมีในเครื่องดับเพลิง การบำรุงรักษาที่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดจะช่วยป้องกันการชำรุดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน
4. บันทึกและรายงานผล (Documentation and Reporting)
ทุกครั้งที่มีการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาอุปกรณ์ จป.เทคนิค ต้องบันทึกข้อมูลการตรวจสอบและรายงานผลการทำงาน เพื่อให้สามารถติดตามสถานะของอุปกรณ์แต่ละชิ้นได้อย่างเป็นระบบ และยังช่วยให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน
กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับ การตรวจสอบอุปกรณ์ความปลอดภัย
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในประเทศไทย มีกฎหมายและข้อบังคับที่กำหนดให้สถานประกอบกิจการต้องปฏิบัติตามเกี่ยวกับการดูแลอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับเทคนิค ต้องมีความเข้าใจในข้อกำหนดมาตรฐาน PPE และอุปกร์ความปลอดภัยต่างๆ นำมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย เพื่อให้สถานประกอบกิจการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างครบถ้วน
บทสรุป
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับเทคนิค การดำเนินการอย่างต่อเนื่องและถูกต้องจะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน นอกจากนี้ยังช่วยให้สถานประกอบกิจการสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและรักษาความน่าเชื่อถือในการดำเนินกิจการ