Lifeline เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในงานป้องกันการตกจากที่สูง โดยเฉพาะในงานก่อสร้าง งานซ่อมบำรุง และงานในพื้นที่เสี่ยงสูง การติดตั้งที่ถูกต้องและการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ บทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนการติดตั้ง Lifeline ที่ถูกต้อง วิธีการตรวจสอบสภาพ Lifeline รวมถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยน Lifeline เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการติดตั้ง Lifeline ที่ถูกต้อง
การติดตั้ง Lifeline ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและข้อกำหนดของผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระทำได้อย่างเหมาะสม
1. เลือกประเภท Lifeline ให้เหมาะสม
Lifeline มีสองประเภทหลัก ได้แก่
- Lifeline แนวนอน (Horizontal Lifeline – HLL) ใช้กับโครงสร้างที่มีจุดยึดอยู่สองฝั่ง เช่น คานหรือราวกั้น
- Lifeline แนวตั้ง (Vertical Lifeline – VLL) ใช้กับงานปีนขึ้นลง เช่น บันไดหรือเสาไฟฟ้า
2. ตรวจสอบโครงสร้างที่ติดตั้ง
ต้องแน่ใจว่าโครงสร้างที่ใช้ติดตั้ง Lifeline มีความแข็งแรงเพียงพอ รองรับแรงกระทำได้ตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น
- ANSI Z359.6 หรือ EN 795 สำหรับ Lifeline แนวนอน
- ANSI Z359.15 หรือ EN 353-2 สำหรับ Lifeline แนวตั้ง
3. ติดตั้งจุดยึด (Anchorage Points)
- จุดยึดต้องมีความแข็งแรงเพียงพอ โดยรับน้ำหนักได้อย่างน้อย 5,000 ปอนด์ (22.2 kN) ตามมาตรฐาน OSHA
- ติดตั้งจุดยึดที่ระดับสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตก
4. ติดตั้งตัวดูดซับแรงกระแทก (Energy Absorber)
- ใช้ Shock Absorber หรือ Energy Absorbing Lanyard เพื่อลดแรงกระแทกในกรณีเกิดการตก
- ต้องแน่ใจว่าอุปกรณ์รองรับแรงกระแทกไม่เกิน 6 kN ตามมาตรฐาน
5. ติดตั้งสาย Lifeline
- ใช้เชือกหรือสายเคเบิลที่ได้มาตรฐาน เช่น
- เชือกโพลีเอไมด์ (Polyamide) หรือเชือกเคฟลาร์ (Kevlar)
- สายเคเบิลเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Cable)
6. ตรวจสอบความตึงของสาย Lifeline
- ต้องมีการปรับความตึงให้เหมาะสม ไม่หย่อนหรือแน่นเกินไป
- ค่าความตึงควรเป็นไปตามข้อกำหนดของผู้ผลิต เช่น แรงดึงประมาณ 1,000-1,500 N
7. ทดสอบระบบก่อนใช้งาน
- ทดลองโหลดน้ำหนัก (Load Test) เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถรองรับแรงได้
- ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้น เช่น คาราบิเนอร์ ตัวล็อก และเชือก
การตรวจสอบสภาพ Lifeline ประจำวัน/ประจำปี
การตรวจสอบประจำวัน (Daily Inspection)
ผู้ใช้งานต้องตรวจสอบ Lifeline ก่อนการใช้งานทุกครั้ง โดยให้ความสำคัญกับจุดต่อไปนี้
✅ เชือกหรือสายเคเบิล: ตรวจสอบรอยฉีกขาด หรือสัญญาณของการเสื่อมสภาพ
✅ คาราบิเนอร์และตัวล็อก: ตรวจสอบกลไกล็อกว่ายังทำงานได้ดี
✅ จุดยึด (Anchorage Points): ตรวจสอบว่ายังแข็งแรง ไม่เป็นสนิมหรือชำรุด
✅ ตัวดูดซับแรงกระแทก: หากพบร่องรอยการใช้งานหนัก ควรเปลี่ยนทันที
การตรวจสอบประจำปี (Annual Inspection)
ควรมีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคคลที่ได้รับการอบรมจากผู้ผลิต ตามมาตรฐาน ANSI Z359.2 หรือ EN 365
- ตรวจสอบเอกสารการบำรุงรักษาและการตรวจสอบที่ผ่านมา
- ทำการทดสอบเชิงกล เช่น แรงดึงสูงสุดของสาย Lifeline
- หากพบความเสียหาย ต้องเปลี่ยนทันที
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยน Lifeline
🚩 เชือก Lifeline ขาดหรือเป็นรอยถลอก – หากพบว่ามีร่องรอยการเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
🚩 สายเคเบิลมีสนิม กัดกร่อน หรือมีรอยแตก – สายเคเบิลที่เป็นสนิมอาจทำให้โครงสร้างอ่อนแอ
🚩 ตัวดูดซับแรงกระแทกฉีกขาด – หากมีการใช้งานหนักหรือเกิดการตก ควรเปลี่ยนใหม่
🚩 คาราบิเนอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อมีการทำงานผิดปกติ – หากล็อกไม่ได้หรือมีการเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
สรุป
การติดตั้ง Lifeline อย่างถูกต้องตามมาตรฐานและการตรวจสอบสภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ Lifeline มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัย ควรตรวจสอบประจำวันก่อนใช้งาน และทำการตรวจสอบเชิงลึกทุกปีโดยผู้เชี่ยวชาญ หากพบสัญญาณเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
แหล่งอ้างอิง
- Occupational Safety and Health Administration (OSHA) – 29 CFR 1926.502 (Fall Protection Systems Criteria and Practices)
- American National Standards Institute (ANSI) – ANSI Z359 Series (Fall Protection Standards)
- European Standards (EN) – EN 795 (Anchorage Devices) & EN 353-2 (Guided Type Fall Arresters)
- Petzl Professional, “Vertical Lifeline Systems Guide”
- 3M Fall Protection, “Horizontal Lifeline Inspection and Maintenance”