ชุดป้องกันสารเคมี มีกี่ประเภท และสำคัญอย่างไร
ชุดป้องกันสารเคมี คือ เสื้อผ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องผู้สวมใส่จากการสัมผัสกับวัตถุอันตราย เช่น สารเคมี สารชีวภาพ และสารกัมมันตภาพรังสี ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อการซึมผ่านของสารเคมี และอาจรวมถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น หมวกคลุมศีรษะ ถุงมือ และเครื่องช่วยหายใจ ระดับการป้องกันของชุดป้องกันสารเคมีขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุและการออกแบบของเสื้อผ้า ตลอดจนสารเคมีหรือสารเฉพาะที่ผู้สวมใส่สัมผัส สิ่งสำคัญ คือ ต้องสังเกตว่าชองกันสารเคมีควรใช้ร่วมกับมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ เช่น การระบายอากาศที่เหมาะสม และการฝึกอบรมในการจัดการวัตถุอันตรายอย่างเหมาะสม
เมื่อต้องทำงานกับสารพิษหรือสารอันตราย การป้องกันที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ในสหรัฐอเมริกา วัตถุที่อาจเป็นอันตรายถูกจัดประเภทเป็น HAZMAT และมีข้อบังคับมากมายเกี่ยวกับวิธีการจัดการ ขนส่ง และกำจัดอย่างเหมาะสม สำหรับคนงาน วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการสารเหล่านี้ คือ การใช้ชุดป้องกันอันตราย
ประเภทของชุดป้องกันสารเคมี
ตามข้อกำหนดของสำนักงานบริหารการป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (EPA) ของสหรัฐอเมริกา ได้แบ่งชุดปฏิบัติงานสารเคมี ตามระดับความสามารถของในการป้องกันสารเคมีเป็น 4 ระดับ ดังต่อไปนี้
การป้องกันระดับ A
เป็นระดับการป้องกันสูงสุด ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันสารพิษหรือสารอันตราย รวมถึงสารที่อาจมีกัมมันตภาพรังสีหรือสารชีวภาพ วัตถุอันตรายจะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อระบบทางเดินหายใจ ดวงตา และผิวหนัง จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัย
- ชุดป้องกันสารเคมีแบบแคปซูล
- เครื่องช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA)
- ถุงมือกันสารเคมีด้านในและด้านนอก
- รองเท้าบู๊ทนิรภัยกันสารเคมี
แต่ละคนต้องมีออกซิเจนเพียงพอและชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีระดับ A ที่สามารถทนต่อสารเคมีได้โดยไม่ทำลาย หากมีคนสัมผัสกับวัสดุที่มีฤทธิ์กัดกร่อนที่เจาะเข้าไปในชุด อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเผาไหม้ของสารเคมีได้ เนื่องจากระดับ A มีความปลอดภัยสูงสุด จึงป้องกันได้ทั้งของเหลวและก๊าซ
การป้องกันระดับ B
คล้ายกับระดับ A โดยที่ระดับ B ใช้ป้องกันระบบทางเดินหายใจในระดับสูงสุด แต่ระดับการป้องกันรองลงมาสำหรับผิวหนังและดวงตา ส่วนมากใช้ป้องกันของเหลวหรือวัตถุกระเด็น จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัย
- ชุดคลุมป้องกันสารเคมี
- หน้ากากกรองอากาศแบบเต็มหรือครึ่งหน้ากาก
- ถุงมือกันสารเคมีด้านในและด้านนอก
- รองเท้านิรภัย
การป้องกันระดับ C
ใช้เมื่อรู้ว่าสารเคมีเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ มีการวัดความเข้มข้นของสารเคมีและมีข้อบ่งชี้ในการใช้ Air-purifying respirators ในกรณีนี้สารพิษในอากาศเหลือน้อยไม่ทำลายผิวหนังหรือดวงตา อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่จำเป็นต้องใช้ ได้แก่
- ชุดหมี
- หน้ากากเต็มหน้าชนิดมีไส้กรอง
- ถุงมือและรองเท้าบู๊ท
- หมวกแข็ง
การป้องกันระดับ D
เป็นระดับการป้องกันต่ำที่สุด ไม่ต้องการการปกป้องดวงตา ปอด หรือผิวหนัง ซึ่งหมายความว่าระดับ D สามารถใช้ในสถานการณ์ที่วัสดุอันตรายไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการกระเด็นหรือก๊าซ ในขณะที่ระดับอื่นๆ จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ระดับ D ไม่ได้กำหนดให้บุคคลต้องได้รับการคุ้มครอง 100 เปอร์เซ็นต์ PPE ที่จำเป็นในระดับนี้ ได้แก่
- ชุดหมี
- บู๊ทนิรภัย /รองเท้าบู๊ท
- แว่นตานิรภัยหรือแว่นครอบตา
ข้อพิจารณาในการเลือกชุดป้องกันสารเคมี
การเลือกชุดป้องกันสารเคมีที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งมีข้อควรพิจารณา ดังต่อไปนี้
- การบ่งชี้ชนิด สถานะและผลกระทบต่อร่างกายเมื่อมีการปนเปื้อนของสารเคมี
- การประเมินการสัมผัสสารเคมี ในรูปแบบค่าความเข้มข้นสารเคมี TLV IDLH
- ปัจจัยความทนทานของชุดป้องกันต่อสารเคมี
- ปัจจัยความทนทานของชุดด้านกายภาพ เช่น ทนต่อการฉีกขาด ทนต่ออุณหภูมิ ความยืดหยุ่น และทนต่อการทิ่มแทง ขัดถู
- ระดับการป้องกันของชุด ระดับ A B C D
- โซนที่เข้าไปปฏิบัติงาน Hot zone Warm zone Cold zone
การเลือกชุดป้องกันสารเคมีตามคำแนะนำของ OSHA
OSHA แนะนำหลักการเลือกชุดสำหรับป้องกันสารเคมี โดยมีรายละเอียดดังต่นี้
- การออกแบบชุด (Design) มีประเด็นที่ต้องคำนึงถึง คือ ลักษณะโครงสร้างของชุด ขนาด สะดวกต่อการใช้งาน ง่ายต่อการปลดหรือถอดชุดออก อุปกรณ์เสริมต่างๆ และความสบายในการสวมใส่
- ความทนทานของชุดป้องกันต่อสารเคมี (Material Chemical Resistance) ประสิทธิภาพในการป้องกันขึ้นอยู่กับการแพร่ผ่าน การซึมผ่าน การเสื่อมสภาพ การทนทานต่อสารเคมีตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป, ข้อมูลของชุดป้องกันสารเคมี
- ความทาทานของชุดป้องกันด้านกายภาพ (Physical properties) ทนต่อการฉีกขาด ทนต่ออุณหภูมิ ความยืดหยุ่น ทนต่อการทิ่มแทง ขัดถู ทนทานเกี่ยวกับการทนไฟหรือไม่
- ความยาก – ง่ายในการชะล้างสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในชุดป้องกัน (Decontamination) เพื่อให้ผู้ใช้งานพิจารณาว่าสามารถใช้ชุดป้องกันสารเคมีซ้ำได้อีก หรือใช้ครั้งเดียวทิ้ง
- มาตรฐานของชุดป้องกันสารเคมี ควรเลือกใช้ชุดป้องกันสารเคมีที่ได้รับมาตรฐาน เช่น NFPA EN standard
มาตรฐานชุดป้องกันสารเคมี
ชุดป้องกันสารเคมีมีหลายมาตรฐานด้วยกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการป้องกันสารเคมีแต่ละชนิด หากมีความจำเป็นต้องใช้ชุดป้องกันสารเคมี ต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทของอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างมาตรฐานสำหรับชุดป้องกันสารเคมี
- NFPA 1991 มาตรฐานที่พัฒนาโดยสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association – NFPA) ซึ่งกำหนดข้อกำหนดสำหรับชุดป้องกันและอุปกรณ์สำหรับนักผจญเพลิง มาตรฐานนี้ใช้กับชุดป้องกันที่สวมใส่โดยนักผจญเพลิง
- NFPA 1992 มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับชุดป้องกันของเหลวกระเซ็นและวัสดุสำหรับใช้โดยนักผจญเพลิงและผู้เผชิญเหตุฉุกเฉินอื่นๆ มาตรฐานนี้ใช้กับชุดป้องกันที่สวมใส่เมื่อต้องรับมือกับวัตถุอันตราย (hazmat) ที่เกี่ยวข้องกับของเหลว และให้ข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ ประสิทธิภาพ และการติดฉลากของชุดป้องกันและอุปกรณ์
- NFPA 1993 มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับชุดป้องกันและอุปกรณ์ตอบโต้เหตุฉุกเฉินสำหรับวัตถุอันตรายสำหรับช่างเทคนิคเกี่ยวกับวัตถุอันตราย มาตรฐานนี้ใช้กับชุดป้องกันที่สวมใส่โดยช่างเทคนิคด้านวัตถุอันตรายเมื่อต้องตอบสนองต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับวัตถุอันตราย (hazmat) และให้ข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ ประสิทธิภาพ และการติดฉลากของชุดป้องกันและอุปกรณ์
- EN ISO 17491-4 มาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับชุดป้องกันสารเคมีที่เป็นของเหลวและก๊าซรวมถึงชุดป้องกันประเภท 3 และประเภท 4
- BS EN 943 สำหรับการป้องกันก๊าซและไอระเหย
- EN14126 มาตรฐานยุโรปสำหรับชุดป้องกันจากสารติดเชื้อ มาตรฐานนี้ใช้กับชุดป้องกันที่สวมใส่ในสถานพยาบาล ห้องทดลอง และสถานที่อื่นๆ ที่ผู้ปฏิบัติงานอาจสัมผัสกับสารติดเชื้อ
นอกจากที่กล่าวมายังมีมาตรฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับชุดป้องกันสารเคมีตามลักษณะความเป็นอันตรายของสารเคมีชนิดนั้นๆ
สรุป
การทำงานกับสารเคมีอาจทำให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับอันตรายการป้องกันเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเลือกใช้ชุดป้องกันสารเคมีต้องพิจารณาถึงมาตรฐานของชุดและเลือกให้เหมาะสมกับประเภทของสารเคมีที่ต้องการป้องกันหากใช้งานไม่ตรงตามประเภทของความเป็นอันตรายอาจทำให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บจากสารเคมีได้
ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างก็มีมาตรการป้องกันสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นชุดป้องกัน หน้ากาก และอุปกรณ์อื่น นอกจากนี้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีต้องผ่านการอบรมการทำงานกับสารเคมี ทุกคนเพื่อให้เรียนรู้เกี่ยวกับความอันตรายของสารเคมี ประเภทสารเคมีวิธีการจัดเก็บอย่างถูกต้อง การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้องตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การเข้าช่วยเหลือเมื่อมีผู้ประสบภัย การทำ CPR ซึ่งเนื้อหานี้ได้รวมไว้ในคอร์สอบรมการทำงานกับสารเคมี แต่หากคุณสนใจทบทวนการปฏิบัติ CPR สามารถอ่านรายละเอียด อบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น ที่จะปูนพื้นฐานการปฐมพยาบาลทั้งแต่ต้นให้คุณมีความมั่นใจในการช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น จากศูนย์ฝึกที่ได้รับอนุญาตจัดอบรมตามกฎหมาย